ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข

ศูนย์ : ศูนย์อายุรกรรม, บริการทางการแพทย์ด้านการดูแลผู้สูงอายุ

บทความโดย : นพ. ภาณุวัฒก์ ว่องตระกูลเรือง

ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข

คุณรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง อ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า รู้สึกเป็นคนอกตัญญูไม่ยอมดูแลพ่อแม่ ไม่อดทน และ รู้สึกเหมือนกำลังรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เพียงคนเดียวอยู่หรือเปล่า หากมีอาการเหล่านี้คุณอาจจะกำลังเผชิญภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (caregiver burnout) อยู่ก็ได้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่ากำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งก็อาจจะถึงเวลาที่ควรจะดูแล และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน


ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างไร

ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (caregiver burnout) เป็นภาวะที่ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และมีภาวะเครียดจากการให้การดูแลต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จนทำให้ไม่สามารถดูแลให้ออกมาดีได้ เริ่มส่งผลกระทบต่อตัวผู้ให้การดูแลเองด้านร่างกาย จิตใจ สังคม เกิดภาวะเหนื่อยล้าจนทำให้การดูแลตนเองลดลง เกิดปัญหาเรื่องการนอน นอนไม่หลับ เกิดความเครียด ความวิตกกังวล เป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น และมักทำให้มองการให้การดูแลจากด้านบวกเป็นด้านลบ


ปัจจัยที่เสี่ยงเกิดภาวะเหนื่อยล้าของผู้ดูแลผู้สูงอายุ

  • ระดับความรุนแรงของภาวะทุพพลภาพ และความสามารถในการช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุ
  • ปัญหาสุขภาพของตัวผู้ดูแลเอง
  • แหล่งให้ความช่วยเหลืออื่นๆ
  • บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบด้านอื่นๆ ของผู้ดูแล

อาการที่บ่งบอกว่ากำลังจะหมดไฟในการดูแล

ภาวะหมดไฟจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ดูแล จนทำให้ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการบ่งชี้ของภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่

  • มีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
  • นอนน้อย หรือ นอนเยอะมากขึ้นกว่าปกติ
  • มีอาการปวดหลัง หรือปวดศีรษะเรื้อรัง
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
  • รู้สึกเครียดและวิตกกังวลตลอดเวลา
  • รู้สึกเหมือนกำลังรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เพียงคนเดียว
  • กิจวัตรประจำวันช่างยุ่งเหยิง และวุ่นวายสับสนไปหมด
  • ไม่มีเวลาได้ออกไปข้างนอก เข้าสังคม หรือทำธุระส่วนตัว
  • ไม่มีสมาธิจดจำสิ่งต่างๆ หลงลืมแม้แต่สิ่งสำคัญ
  • หงุดหงิดกับทุกสิ่งอยู่ตลอดเวลา

แนวทางการรับมือภาวะหมดไฟในการดูแลผู้สูงอายุ

  1. ผู้ดูแลต้องมีความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและความกังวลในการดูแลได้ โดยควรถามจากแพทย์ จากผู้มีประสบการณ์ หรือ อ่านหนังสือเพิ่มเติม เพราะการที่เรามีความเข้าใจธรรมชาติ หรือโรคที่ผู้สูงอายุเป็นจะทำให้เรามีความกังวลน้อยลง
  2. ผู้ดูแลต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยในหนึ่งวันควรมีเวลานอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง และในหนึ่งอาทิตย์ควรมีวันหยุด 1 วันเป็นอย่างน้อย โดยแจ้งคนในครอบครัว หากไม่มีใครสะดวก ก็ควรจ้างผู้ดูแลมืออาชีพเข้าไปช่วย
  3. ไม่ควรเก็บอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดจากการดูแลผู้สูงอายุไว้แต่เพียงผู้เดียว
  4. ใช้เวลาดูแลผู้สูงอายุสลับกับการทำกิจกรรมที่ชอบหรือทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ช้อปปิ้ง ฯลฯ หรือใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะจำเจที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด
  5. หมั่นรายงานความเป็นไปของอาการ รวมทั้งปรึกษาและระบายปัญหาให้ญาติพี่น้องทุกคนรับรู้เสมอ เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจและมีความเข้าใจอันดีต่อกัน
  6. แบ่งหน้าที่ด้านต่างๆ ให้คนอื่นในครอบครัวได้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน การทำความสะอาดบ้าน หรือหน้าที่พาผู้สูงอายุมาโรงพยาบาล
นอกจากการบรรเทาความเครียดแล้ว ต้องดูแลรักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และก็ต้องหมั่นเติมกำลังใจซึ่งกันและกันทั้งผู้ดูแล คนในครอบครอบ และผู้สูงอายุ ก็จะลดปัญหาภาวะหมดไฟในการดูแลผู้สูงอายุลงไปได้





ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

บทความทางการแพทย์ศูนย์อายุรกรรม, บริการทางการแพทย์ด้านการดูแลผู้สูงอายุ

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย